ยินดีต้อนรับ

ยินดีต้อนรับเข้าสู่เว็บไซต์ของผมนะครับทุกคน



วันจันทร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

วันวาเลนไทน์

                                                                      วันวาเลนไทน์    
       วันนักบุญวาเลนไทน์ หรือที่เป็นที่รู้จักว่า วันวาเลนไทน์ (Valentine's Day) ตรงกับวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ของทุกปี เป็นวันประเพณีที่คู่รักบอกให้กันและกันทราบเกี่ยวกับความรักของพวกเขา โดยการส่งการ์ดวาเลนไทน์ ซึ่งโดยมากจะไม่ระบุชื่อ
-                    การส่งดอกไม้ในวันวาเลนไทน์
        มนุษย์ได้ใช้ดอกไม้เป็นสื่อในการแสดงความรักต่อกันมานานแล้ว เราคิดว่าดอกไม้เป็นสิ่งความรักของหนุ่มสาวเท่านั้น แต่แท้จริงแล้วดอกไม้ยังใช้สื่อความรักได้หลายรูปแบบ ทั้งยังไม่จำกัดอายุและเพศ  โดยในการมอบดอกกุหลาบในวันวาเลนไทน์นั้นเชื่อกันว่า จำนวนดอกกุหลาบที่มอบแก่กันนั้น มีความหมายต่อความรักกันอีกด้วย
-                    ประวัติวันวาเลนไทน์
       วันวาเลนไทน์นั้นมีมาตั้งแต่สมัยจักรวรรดิโรมัน ในกรุงโรมสมัยก่อนนั้น วันที่ 14 กุมภาพันธ์ จะเป็นวันเฉลิมฉลองของจูโนซึ่งเป็นราชินีแห่งเหล่าเทพและเทพธิดาของโรมัน ชาวโรมันรู้จักเธอในนามของเทพธิดาแห่ง อิสตรีและการแต่งงาน และในวันถัดมาคือวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ก็จะเป็นวันเริ่มต้นงานเลี้ยงของ Lupercalia   ในรัชสมัยของ จักรพรรดิคลอดิอัสที่ 2 แห่งกรุงโรม ได้ทรงตระหนักว่าเหตุที่ ชายหนุ่มส่วนมากไม่ประสงค์จะเข้าร่วม ในกองทัพเนื่องจากไม่อยากจากคู่รัก จึงทรงมีพระราชโอง การสั่งห้ามมิให้มีการจัดพิธีหมั้นและแต่งงานกันในโรมโดยเด็ดขาด ขณะนั้น มีนักบุญรูปหนึ่งนามว่า เซนต์วาเลนไทน์ หรือวาเลนตินัส ซึ่งอาศัยอยู่ในโรมได้ ร่วมมือกับเซนต์มาริอัสจัดพิธีแต่งงานให้กับ ชาวคริสต์หลายคู่ จึงทำให้วาเลนไทน์ถูกจับ แต่วาเลนไทน์ได้ตกหลุมรักลูกสาวของผู้คุมที่ชื่อจูเลีย ในคืนก่อนที่วาเลนไทน์จะสิ้นชีวิตโดยการถูกตัดศีรษะ เขาได้ส่งจดหมายฉบับ สุดท้ายถึงจูเลีย โดยลงท้ายว่า “From Your Valentine”  หลังจากนั้นศพของเขาได้ถูกเก็บไว้ที่โบสถ์พราซีเดส (Praxedes) ณ กรุงโรม จูเลียได้ปลูกต้นอามันต์ หรืออัลมอลต์สีชมพู ไว้ใกล้หลุมศพของวาเลนตินัส แด่ผู้เป็นที่รักของเธอ โดยในทุกวันนี้ ต้นอามันต์สีชมพูได้เป็นตัวแทนแห่งรักนิรันดรและมิตรภาพ อันสวยงาม และคำนี้ก็เป็นคำที่ใช้มาจนถึงปัจจุบัน ต่อมาพระในนิกายโรมันคาทอลิกจึงเลือกให้ วันที่ 14 กุมภาพันธ์ เป็นวันเฉลิมฉลองเทศกาลแห่งความรักและดูเหมือนว่ายัง คงเป็นธรรมเนียมที่ชายหนุ่มจะเลือกหญิงสาวที่ตนเองพึงใจในวันวาเลนไทน์ สืบต่อกันมาจนถึงทุกวันนี้
ขอขอบคุณ http://th.wikipedia.org/wiki/
 

วันอาทิตย์ที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2555

ประวัติความเป็นมาของจังหวัดกาญจนบุรี

                                                               จังหวัดกาญจนบุรี
คำขวัญประจำจังหวัด :  แคว้นโบราณ  ด้านเจดีย์  มณีเมืองกาญจ์  สะพานข้ามแม่น้ำแคว้น  
                                       เหมืองแร่น้ำตก
ประวัติความเป็นมาของจังหวัด :
                     ในอดีตกาญจนบุรี เป็นดินแดนที่อยู่ของมนุษย์ยุคหินเก่า จากหลักฐานที่พบทางด้านโบราณคดีมากมาย อาทิเช่น เครื่องมือหินกะเทาะ เครื่องมือสมัยหินใหม่ เครื่องมือสมัยโลหะ โครงกระดูกมนุษย์ ภาชนะดินเผา เครื่องประดับ ภาพเขียนสีที่ผนังถ้ำ โลงศพ ฯลฯ ตามถ้ำเพิงผา และตามลำน้ำแควน้อย ลำน้ำแควใหญ่ รวมถึงลุ่มแม่น้ำแม่กลอง ต่อมาเมื่อชาวอินเดียได้เดินทางเข้ามาค้าขาย และเผยแพร่พุทธศาสนายังแคว้นสุวรรณภูมิ ซึ่งตรงกับพุทธศตวรรษที่ 11-16  ได้พบหลักฐานศิลปะอินเดีย สมัยคุปตะในสมัยทวาราวดี ตามลำน้ำแควน้อย แควใหญ่ และแม่กลอง บริเวณบ้านวังปะโท่ บ้านท่าหวี บ้านวังตะเคียน โบราณวัตถุสถานที่พบ อันประกอบด้วย ซากเจดีย์ วิหาร พระพุทธรูป พระพิมพ์ เสมาธรรมจักร ระฆังหิน เครื่องประดับ ภาชนะดินเผาและยังพบตะเกียงโรมันสำริด ที่มีอายุราว พ.ศ.600 นับเป็นโบราณวัตถุที่เก่าแก่ที่สุดของไทย  จากหลักฐานทางเอกสารที่เก่าแก่ที่สุด ที่กล่าวถึงเมืองกาญจนบุรี คือ พงศาวดารเหนือ กล่าวว่า  กาญจนบุรี เป็นเมืองของพญากง พระบิดาของพระยาพาน เป็นเมืองสำคัญของแคว้นอู่ทอง หรือสุวรรณภูมิ มีผู้สันนิษฐานว่าพญากง  สร้างขึ้นราว พ.ศ.1350  ต่อมา ขอมได้แผ่อิทธิพลนำเอาศาสนาพุทธมหายาน เข้ามาประดิษฐานในเมืองกาญจนบุรี ปรากฏหลักฐานคือปราสาทเมืองสิงห์ เมืองครุฑ เมืองกลอนโด จนขอมเริ่มเสื่อมอำนาจลง  ต่อมาในสมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี เมืองกาญจนบุรี ได้รับการยกฐานะเป็นเมืองหน้าด่านสำคัญ คอยป้องกันทัพพม่าที่ยกมา ทางด่านพระเจดีย์สามองค์ และด่านบ้องตี้ (แควน้อยเขตอำเภอไทรโยค) พระมหาอุปราชา ได้กรีฑาทัพผ่านมาทางด่านเจดีย์สามองค์ และได้เข้ามาทำยุทธหัตถี กับสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ณ ตำบลดอนเจดีย์ พระมหาอุปราชาถูกพระแสงง้าวสิ้นพระชนม์บนคอช้าง ในสมัยกรุงศรีอยุธยานี้ ไทยต้องทำสงครามกับพม่าถึง 24 ครั้ง กาญจนบุรีเป็นสมรภูมิหลายครั้ง และเป็นทางผ่านไปตีกรุงศรีอยุธยา จนต้องเสียกรุงครั้งที่ 2 ในปี พ.ศ.2310 ในสมัยกรุงธนบุรีเป็นราชธานี (พระเจ้าตากสินมหาราช) ในสมัยนั้นเกิดสงครามกับพม่าถึง 10 ครั้ง 


                  ต่อมาในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช กษัตริย์ของพม่า คือพระเจ้าปดุง ต้องการยึดครองประเทศใกล้เคียง โดยการยกทัพเข้ามาตีไทย ทางด่านเจดีย์สามองค์ และทางด่านต่างๆ รวม 9 ทัพ จึงเรียกสงครามครั้งนั้นว่า  สงคราม 9 ทัพ ”การสู้รบระหว่างไทยกับพม่า ณ ทุ่งลาดหญ้า (ปัจจุบันเป็นตำบลหนึ่งของอำเภอเมือง) เป็นอดีตประวัติศาสตร์สำคัญครั้งหนึ่ง ของกาญจนบุรี ซึ่งเดิมทีเดียว ทุ่งลาดหญ้านี้เป็นเมืองกาญจนบุรีมาก่อน อยู่ริมแม่น้ำแควใหญ่ใกล้เขาชนไก่ เป็นเมืองที่เป็นทั้งสนามรบ และทางผ่านของกองทัพไทยและพม่า ตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาเรื่อยมา เมื่อเกิดการสู้รบบ่อยครั้ง ราษฏรจึงอพยพมาอยู่ที่ตำบลปากแพรก อย่างหนาแน่น ซึ่งเป็นที่รวมของแม่น้ำ 2 สาย คือแม่น้ำแควน้อย กับแม่น้ำแควใหญ่ กลายเป็นแม่น้ำแม่กลอง กลายเป็นชุมชนใหญ่ขึ้น มีการคมนาคมสะดวก พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าฯ ทรงเห็นว่าเป็นชัยภูมิที่เหมาะ จึงโปรดฯ ให้ตั้งเมืองกาญจนบุรีขึ้นใหม่ ที่ตำบลปากแพรกนี้ ตอนฝั่งตะวันออก ของแม่น้ำแม่กลอง ต่อมาจนถึง พ.ศ.2374 พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 โปรดฯ ให้ก่อสร้างป้อมและกำแพงเมืองขึ้นใหม่ อย่างแข็งแรง ตรงฝั่งตะวันออกของแม่น้ำแม่กลอง ยังคงเหลือประตูเมือง และซากของกำแพงเมืองให้เห็น ทั้งนี้โดยมีพระราชประสงค์ส่วนใหญ่ เพื่อติดต่อค้าขายกับเมืองราชบุรี ปัจจุบันตัวเมืองที่ตั้งศาลากลางจังหวัด ย้ายไปอยู่ที่บ้านบ่อ ห่างจากที่ตั้งเดิมไปทางใต้ 3 กิโลเมตร เนื่องจากตัวเมืองเดิมทรุดโทรม ในอดีตมีเหตุการณ์สำคัญคือในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2  กองทัพญี่ปุ่นได้เดินทัพเข้ามาในประเทศไทย เพื่อจะผ่านไปพม่าและอินเดีย จึงได้สร้างทางรถไฟจากชุมชนหนองปลาดุก (จังหวัดราชบุรี) ผ่านแม่น้ำแควใหญ่ แม่น้ำแควน้อย ไปยังด่านพระเจดีย์สามองค์ เข้าสู่ประเทศพม่า ที่เมืองตันบีบูซายัด โดยใช้เชลยศึกที่จับมาได้บังคับและทรมาน เพื่อเร่งสร้างทางรถไฟให้เสร็จภายใน  1 ปี แต่ถูกฝ่ายตรงข้ามทิ้งระเบิดทำลาย ทำให้เชลยศึกต้องเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก ทางรถไฟสายนี้จึงถูกขนานนามว่า     " ทางรถไฟสายมรณะ " 

วันเสาร์ที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

เทคโนโลยีสารสนเทศ (โทรศัพท์มือถือ)

โทรศัพท์มือถือ 
โทรศัพท์มือถือ หรือ โทรศัพท์เคลื่อนที่ (และมีการเรียก วิทยุโทรศัพท์) คืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้ในการสื่อสารสองทางผ่าน โทรศัพท์มือถือใช้คลื่นวิทยุในการติดต่อกับเครือข่ายโทรศัพท์มือถือโดยผ่านสถานีฐาน โดยเครือข่ายของโทรศัพท์มือถือแต่ละผู้ให้บริการจะเชื่อมต่อกับเครือข่ายของโทรศัพท์บ้านและเครือข่ายโทรศัพท์มือถือของผู้ให้บริการอื่น โทรศัพท์มือถือที่มีความสามารถเพิ่มขึ้นในลักษณะคอมพิวเตอร์พกพาจะถูกกล่าวถึงในชื่อ "สมาร์ตโฟน"

โทรศัพท์มือถือในปัจจุบันนอกจากจากความสามารถพื้นฐานของโทรศัพท์แล้ว ยังมีคุณสมบัติพื้นฐานของโทรศัพท์มือถือที่เพิ่มขึ้นมา เช่น การส่งข้อความสั้นเอสเอ็มเอสปฏิทิน นาฬิกาปลุก ตารางนัดหมาย เกม การใช้งานอินเทอร์เน็ต บลูทูธ อินฟราเรด กล้องถ่ายภาพ เอ็มเอ็มเอส วิทยุ เครื่องเล่นเพลง และ จีพีเอส
โทรศัพท์เคลื่อนที่เครื่องแรกถูกผลิตและออกแสดงในปี พ.ศ. 2516 โดย มาร์ติน คูเปอร์ (Martin Cooper) นักประดิษฐ์จากบริษัทโมโตโรลา เป็นโทรศัพท์เคลื่อนที่ขนาดใหญ่ที่มีน้ำหนักประมาณ 1.1 กิโลกรัม และมีพัฒนาการมาจนถึงปัจจุบัน ปัจจุบันจำนวนผู้ใช้งานโทรศัพท์เคลื่อนที่ทั่วโลก เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
ผลของโทรศัพท์มือถือต่อสุขภาพ
ความเชื่อที่ว่าโทรศัพท์เคลื่อนที่สามารถก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อสุขภาพในระยะยาวนั้น ปัจจุบันได้รับการยืนยันจากองค์การอนามัยโลกแล้ว โดยองค์การฯ ได้บรรจุโทรศัพท์เคลื่อนที่ไว้ในรายชื่อวัตถุก่อมะเร็ง ซึ่งองค์การอนามัยโลกได้ออกรายงานเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2554 โดยจัดว่ารังสีโทรศัพท์เคลื่อนที่เป็น "วัตถุก่อมะเร็ง" และ "อาจก่อให้เกิดมะเร็งในมนุษย์" ได้ รายงานดังกล่าวออกมาหลังจากทีมนักวิทยาศาสตร์ได้ทบทวนการศึกษาเกี่ยวกับความปลอดภัยของโทรศัพท์เคลื่อนที่  งานวิจัยหนึ่งว่าด้วยการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ในอดีตนั้นได้ถูกอ้างอิงในรายงานซึ่งแสดงให้เห็นว่า ผู้ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่อย่างหนักจะมีความเสี่ยงเป็นเนื้องอกในสมองมากขึ้นถึง 40% (รายงานการใช้โดยเฉลี่ย 30 นาทีต่อวัน เป็นเวลาติดต่อกันนานกว่า 10 ปี)  ซึ่งรายงานดังกล่าวตรงกันข้ามกับการสรุปก่อนหน้านี้ซึ่งไม่คาดว่ามะเร็งจะเกิดขึ้นเป็นผลมาจากโทรศัพท์เคลื่อนที่หรือสถานีฐาน และการทบทวนดังกล่าวไม่ได้พบหลักฐานชัดเจนเกี่ยวกับผลกระทบต่อสุขภาพด้านอื่นแต่อย่างใด

วันจันทร์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ประวัติส่วนตัว


ชื่อ ด.ช.พงศ์พิสุทธิ์ นามสกุล ภักดีพิน ชื่อเล่น นิว อายุ 14 ปี
เกิดวันพุธ ที่ 3 เดือนกันยายยน ปี พ.ศ. 2540 กรุ๊ปเลือด B
ที่อยู่ 10 หมู่ 5 ตำบล ยี่สาร อัมเภอ อัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม 75110
จบการศึกษาช้นประถมศึกษาจากโรงเรียนดรุณานุกูล ปัจจุบันกำลังศึกษาอยู่ที่โรงเรียนถาวรานุกูล
ชั้นมัธยมศึษาที่ 2  
วิชาที่ชอบ คอมพิวเตอร์ วิทยาศาสตร์ สีที่ชอบ สีขาว สีฟ้า/น้ำเงิน สีดำ
อนาคตอยากเป็น หมอ